รางวัล..แห่งชีวิต

เย็นวันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มีสายน้องๆที่เคยไปเก็บศพด้วยกันโทรมา “พี่ตั้นๆ มีเจ้าหน้าที่จาก นิติวิทยาศาสตร์โทรมาหาพี่ยัง “ : เออทำไมวะ “เจ้าหน้าที่เขาโทรมาครับให้ไปรับเครื่องราช…! “ เครื่องราช!? ความรู้สึกผมร้อนผ่าวใจเต้นตูมตาม ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้ว : เฮ้ยไอ้เต้เขาให้ไปรับเมื่อไหร่ไหร่วะ “ วันที่ 22 ตุลาคม นี้ครับพี่ “ :เออดีๆวะ พี่จะลองได้ถามพวกพ้องพวกเราดูอีกทีแล้วกัน ขอบใจวะที่โทรมาบอก
แล้วหลังจากวันนั้น ผมได้ติดต่อกับพวกน้องๆแล้วเพื่อนๆ ว่ามีใครได้มั่งก็มีพวกผมที่ได้รับเครื่องราชครบทุกคนที่ได้อยู่หน่วยที่พวกเราเรียกว่า บรรนารักษ์คอนเทนเน่อ ซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บศพเข้าตู้คอนเทนเน่อ แล้วช่วยหมอตรวจเช็คศพทั้งก่อนเอาเข้าตู้และออกจากตู้ เหมือนบรรณารักษ์ที่คอยจัดเก็บหนังสือให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พวกเราดีใจกันมากที่ได้รับข่าวนี้ได้กระจายข่าวและข้อมูลให้กลุ่มพวกเราได้รู้ทั่วๆกันเพราะบางคน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ติดต่อมา แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ แต่มันก็คงจะดีที่ได้รับเครื่องราชเพื่อเป็นเกียรติกับตัวเองให้ระลึกในการทำดีต่อไป

เหมือนไปรับปริณญามีพิธีนะครับ

ในรายละเอียดนั้นทางนิติวิทยาศาสตร์ได้จัดเครื่องราชให้เราเป็นเหรียญเงิน ดิเรกคุนาภรณ์
ด้านซ้ายเป็นเหรียญสำหรับผู้หญิง ด้านขวาเป้นเหรียญสำหรับผู้ชาย
เพื่อนตัวดีที่ชักจูงดึงผมลงไปลุยที่พังงา กับน้องหลิงหญิงเก่งกล้าบ้าบิ่น ไปมาแล้วเกือบทั่วโลก ลุยเดี่ยวมาเยอะและเธอก็เป็นคนนึงที่ไปลุยที่พังงาเพียงคนเดียว
ชิลๆระหว่างการรอคอยรับเหรียญเครื่องราชจากซ้าย ไอ้เป้ง ART Director Aday magazine ที่สอง ไอ้อ๊อดเจ้าหน้าที่ไอที ในเรือนจำ ที่สาม ไอ้เต้อาจารย์โรงเรียนช่างกล
ถึงผมไม่อธิบายทุกๆคนคงจะทราบกันดีคุณหมอคนเก่งของพวกเราชาวไทย แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์
ถ้าไม่มีคุณหมอในวันนั้นคงไม่ใครเป็นเจ้างานคุมงานพิสูจศพในภาวะวิกริตวุ่นวายช่วงนั้นได้


ทีมงานกลุ่มพวกผมที่ได้ไปรับเครื่องราช มีน้องหนึ่งพาคุณแม่มาด้วย เธอก็เป็นหญิงแกร่งคนนึงที่ได้ร่วมทีมครั้งนี้หลังจากงานซึนามิเธอซี้กับไอ้หลิงไปเลย
เพื่อนตายกันจริงๆ เป็นเพื่อนที่เจอกันในโลกแห่งความตาย

บางทีในช่วงชีวิตคนเราก็มีขึ้นมีลงธรมดา แต่ในช่วงชีวิตนึงเราก็ได้อะไรกลับมาเหมือนกัน นี้คงเป็นรางวัลของชีวิตที่ได้ฟื้นชีวิตให้เราได้มีพลังขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเจออะไรต่อมิอะไรมากมายเหมือนมีไฟมาเผาตัวเราให้มอดไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน แต่ก็รางวัลนี้กระมั้งที่ได้ช่วยให้เรา รู้สึกว่าเรามีคุณค่า มีความสำคัญ มีความภูมิใจ มันอาจจะไม่ได้เป็นตัวเงินหรือข้าวของเพรชพลอย แต่มันก็เป็นวัตถุที่มีค่าแก่การจดจำในการทำความดีเพื่อประเทศชาติ สำหรับคนบางคนมันอาจจะเป็นแค่เหรียญธรรมดา แต่สำหรับผู้ที่ได้ร่วมทำคุณงามความดีต่อประเทศมันคือเครื่องเตือนความจำให้เราระลึกในการทำความดีต่อไป
ปล. ทั้งนี้อาสาสมัครที่ได้รับเครื่องราชมีจำนวนมากไม่ได้มีแต่พวกเรา มีหลายคนที่ไม่ได้เยอะแต่นั้นก็ไม่ได้เป็นประเด็นที่ถกเถียงว่าใครได้ไม่ได้ ประเด็นทั้งหมดคือถ้าพวกเรากระทำความดีย่อมจะไม่มีคนทิ้งพวกเราเป็นแน่
ไม่ว่าคนนั้นจะเป้นคนดีหรือคนเลวเคยทำความผิดมา แต่ถ้าคิดกระทำความดียังมีคนเห็นและอย่าย่อท้อในการกระทำความดี สังคมไม่ได้ต้องการคนดีหรือคนเก่งหรือคนเลว แต่ต้องการผู้ที่กระทำความดี
ผมคิดว่าใครๆที่ได้มาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นสมัครเก่าใหม่หรือพนักงานอ๊อฟฟิต เจ้านายลูกน้อง มิตรหรือศัตรู เพื่อนหรือแฟน ช่วยกันหมั่นกระทำความดีกันเถอะพวกเรา
ขอบคุณครับด้วยความนับถือทุกๆคน